ลักษณะทางกายภาพ ของ เนินปราสาท (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย)

โบราณสถานประกอบด้วยฐานอาคารอบฐานบัวคว่ำบัวหงาย ลักษณะเป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ขนาด 27.5 x 51.5 เมตร มีบันไดที่ด้านหน้าและด้านหลังอย่างละหนึ่งแห่ง[1]:15

ฐานอาคาร

ฐานอาคารก่อด้วยอิฐแบบบัวคว่ำบัวหงาย

พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสำรวจเมืองเก่าสุโขทัยเมื่อ พ.ศ.2450 และทรงสันนิษฐานว่า เนินดินรูปสี่เหลี่ยมรีที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัดมหาธาตุ น่าจะเป็นลานปราสาทและปราสาท[2]

พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ เสนอว่า การขุดค้นทางโบราณคดีไม่พบหลักฐานที่พอจะบ่งชี้ได้ว่าสถานที่นี้เป็นปราสาทราชวัง อีกทั้งแผนที่เก่าทำในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็บ่งบอกว่าเป็นบริเวณเดียวกันกับวัดมหาธาตุ กล่าวคือเป็นสิ่งก่อสร้างเนื่องในทางศาสนาของวัดมากกว่าเป็นพระราชวัง[1]:15

แต่เดิมพระราชวังของพระมหากษัตริย์สุโขทัยควรเป็นตำหนักไม้ ตำแหน่งที่ตั้งควรอยู่เหนือศาลตาผาแดง ติดกับวัดสรศักดิ์ทางทิศตะวันตก ซึ่งศิลาจารึกวัดสรศักดิ์กล่าวว่า เป็นตำหนักของเจ้านายสุโขทัย เมื่อตอนกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งเช่นนี้จะตรงกันกับตำแหน่งของพระราชวังกษัตริย์แบบเขมรที่เมืองพระนครหลวง หรือนครธม[1]:15บริเวณอาคารอาจเปรียบเทียบได้กับท้องพระโรงของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 ในพระราชวังเมืองโปลนนารุวะ หรือถ้าไม่เป็นพระราชวังก็อาจเป็นที่รักษาโรคหรือประกอบพิธีกรรมรักษาโรค เพราะพบพวกตลับยา ตามข้อสันนิษฐานของพิเศษ เจียจันทร์พงษ์[3]:35

ส่วนฐานอาคารที่พบ ยังไม่สามารถใช้สรุปได้แน่ชัดว่าเป็นฐานของอะไร เพราะเป็นเพียงฐานอาคารยกสูง ส่วนบนจึงน่าจะเป็นอาคารไม้[3]:35

สุจิตต์ วงษ์เทพ กล่าวว่า โบราณสถานของสุโขทัยมักได้รับอิทธิพลมาจากลังกา เนินปราสาทจึงคาดว่าเป็นมหาสันนิบาตศาลา เป็นศาลาขนาดใหญ่ไว้สำหรับทำบุญ หรือประกอบศาสนพิธี[4]

โบราณวัตถุ

ศักดิ์ชัย สายสิงห์ เสนอว่าหลักฐานทางโบราณคดีที่กรมศิลปากรขุดค้นพบที่เนินปราสาท เช่น ภาชนะดินเผาประเภทเครื่องเคลือบ พบตั้งแต่ชั้นดินอยู่อาศัยระยะแรกสุดสมัยก่อนสุโขทัย โดยเฉพาะเครื่องถ้วยราชวงศ์ซ้อง, เครื่องถ้วยชิงไป๋ที่มีขนาดเล็กจำพวกกระปุก, ตลับ โดยพบร่วมกับเครื่องถ้วยเขมร นอกจากนั้นในชั้นดินอื่น ๆ ยังพบเครื่องถ้วยราชวงศ์หยวน, ราชวงศ์หมิง, เครื่องถ้วยสุโขทัย เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นเขตที่อยู่อาศัย มิใช่ศาสนสถาน[3]:35

เครื่องถ้วยที่พบเป็นเครื่องถ้วยที่มีคุณภาพดี พบจำนวนมาก แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ที่พบน้อยหรือพบเพียงเครื่องปั้นดินเผาไม่เคลือบที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ประกอบกับที่ตั้งของบริเวณนี้เป็นที่สูง และอาจเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเนินปราสาทนี้น่าจะเป็นชนชั้นสูงหรืออาจเป็นเขตพระราชวังได้[3]:35

ศิลาจารึก

จารึกพ่อขุนรามคำแหง ถูกค้นพบที่เนินปราสาท ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
ดูบทความหลักที่: จารึกพ่อขุนรามคำแหง

โบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ค้นพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1 ปรากฏข้อความในจดหมายเหตุ และสมุดไทยของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ได้กล่าวไว้ว่า

“เมื่อศักราช 1195 ปีมเสง เบญศก (พ.ศ. 2376) จะเสด็จขึ้นไปประภาสเมืองเหนือมัศการเจตียสฐานต่างๆ ... ครั้น ณ วันขึ้นหกค่ำกลับมาลงเรือ เจ็ดค่ำเวลาเที่ยงถึงท่าธานี เดินขึ้นไปเมืองศุโขทัยถึงเวลาเยน อยู่ที่นั้นสองวัน เสด็จไปเที่ยวประภาษพบแท่นสีลาแห่งหนึ่ง อยู่ริมเนินปราสาทก่อไว้เปนแท่นหักพังลงมาตะแคงอยู่ที่เหล่านั้น ชาวเมืองเขาเครพย์ (เคารพ) สำคัญเป็นสานเจ้า เขามีมวยสมโพธทุกปี ... รับสั่งให้ฉลองลงมา ก่อเปนแท่นขึ้นไว้ใต้ต้นมะขามที่วัดสมอราย กับเสาสิลาที่จารึกเปนหนังสือเขมรฯ ที่อยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น เอามาคราวเดียวกับแท่นสีลา”[5]

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะดำรงพระอิสริยศเป็นน้องยาเธอ) ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และในราวปี พ.ศ. 2376 ได้ออกเสด็จจาริกธุดงค์ไปยังหัวเมืองเหนือ เมื่อครั้งเสด็จถึงสุโขทัย ทรงพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง, ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง และพระแท่นมนังศิลาบาตร